คำศัพท์ประกันที่ควรรู้ ก่อนซื้อประกัน
เมื่อเราจะตัดสินใจเลือกซื้อประกันทีนึง ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ หรือประกันสะสมทรัพย์ ฯลฯ พออ่านรายละเอียดประกันชีวิตทีไรก็มักจะเจอทั้งคำศัพท์ภาษากฎหมายและคำที่เข้าใจยาก หลายคนเกิดอาการงง อ่านไปก็ไม่เข้าใจ เลยคาดเดาความหมายไปต่างๆ นาๆ และอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดในแบบประกันนั้นก็ได้
ในบทความนี้เราจึงได้รวบรวมคำศัพท์เกี่ยวกับประกันที่ส่วนใหญ่จะพบเจอกันบ่อยๆ มาอธิบายให้เข้าใจง่ายมากขึ้น เวลาเลือกซื้อประกันจะได้รู้ความหมายต่างๆ และเข้าใจรายละเอียดที่ถูกต้อง
1. กรมธรรม์
คือ หนังสือสัญญาข้อตกลงระหว่างบริษัทประกันกับผู้ทำประกัน โดยในเล่มกรมธรรม์จะอธิบายถึงรายละเอียดทั้งหมดของประกันที่เราได้ทำ เช่น ประเภทของประกัน ทุนประกัน วันครบรอบสัญญา เงื่อนไขการจ่ายเงินชดเชย เงื่อนไขการเคลมสินไหม เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ภาษาที่ดูเป็นทางการและภาษากฎหมาย
2.ทุนประกัน หรือ จำนวนเงินเอาประกันภัย
คือ จำนวนเงินที่เราจะได้รับจากบริษัทประกันชีวิตตามเงื่อนไขการรับประกันที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น ได้รับเงินเมื่อครบกำหนดสัญญา หรือได้รับเงินเมื่อเสียชีวิต
ตัวอย่างเช่น เราทำทุนประกันชีวิต 1 ล้านบาท ถ้าเราเสียชีวิต ผู้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินส่วนนี้เป็นจำนวน 1 ล้านบาท
3.เบี้ยประกัน
คือ จำนวนเงินที่เราต้องจ่ายให้บริษัทประกันเพื่อเป็นค่าทำประกัน ซึ่งเราสามารถเลือกจ่ายเป็นรายปี รายครึ่งปี รายไตรมาส หรือรายเดือนก็ได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแบบประกันแต่ละบริษัท
4.ผู้รับประกันภัย
คือ บริษัทประกันที่ได้รับใบอนุญาต มีหน้าที่ชดใช้ค่าสินไหมหรือชดใช้เงินจำนวนหนึ่งให้กับผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ของผู้เอาประกันภัย
5.ผู้เอาประกันภัย
คือ คนที่จะได้รับการคุ้มครองจากกรมธรรม์ หรือเรียกง่ายๆ ว่า คนสมัครทำประกัน
6.ผู้รับผลประโยชน์
คือ คนที่จะได้รับผลประโยชน์หรือได้รับค่าสินไหมทดแทนจากกรมธรรม์ประกันชีวิต ส่วนใหญ่จะเป็นคนในครอบครัว เช่น พ่อแม่ พี่น้อง สามี ภรรยา ลูก ญาติ เป็นต้น โดยในอนาคตผู้เอาประกันภัยสามารถขอเปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์ได้
7.มูลค่าเงินสด
คือ มูลค่าที่เกิดขึ้นจากการจ่ายเบี้ยประกัน โดยมูลค่าเงินสดจะเหลือจากเบี้ยประกันที่เราจ่ายไปในแต่ละปีหักออกด้วยค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการทำประกันชีวิต หลังจากนั้นบริษัทจะนำเงินส่วนที่เหลือไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนแล้วนำส่วนนึงมาสะสมไว้เป็นมูลค่าเงินสดกรมธรรม์ของเรา ซึ่งเราสามารถดูมูลค่าเงินสดจากตารางในเล่มกรมธรรม์นั้นๆ
8.เวนคืนกรมธรรม์
คือ การขอหยุดจ่ายเบี้ยประกัน แล้วเลือกปิดกรมธรรม์ ขอยกเลิกก่อนหมดสัญญา เมื่อเรายกเลิกกรมธรรม์แล้วผลประโยชน์ก็จะหมดลงทันที หลังจากนั้นบริษัทประกันจะจ่ายเงินคืนตามมูลค่าเงินสดของกรมธรรม์ที่เหลืออยู่ทั้งหมดให้เราเป็นเงินก้อน
9.มูลค่าใช้เงินสำเร็จ
คือ ผู้เอาประกันภัยหยุดจ่ายเบี้ยประกัน แต่ยังคงต้องการความคุ้มครองชีวิตต่อจนกว่าจะครบกำหนดสัญญา โดยทุนประกันที่เราเลือกทำไว้ในตอนแรกจะมีมูลค่าลดน้อยลง ซึ่งเราสามารถคำนวณมูลค่าใช้เงินสำเร็จจากตารางในเล่มกรมธรรม์นั้นๆ (เทคนิคการจำ: วงเงินลดลง ปีเท่าเดิม)
ตัวอย่างเช่น เราทำประกันชีวิตที่ทุนประกัน 1 ล้านบาท ความคุ้มครอง 20 ปี ต่อมาเมื่ออยากหยุดจ่ายเบี้ยประกันและเปลี่ยนมาเป็นมูลค่าใช้เงินสำเร็จ ระยะคุ้มครอง 20 ปีเท่าเดิม แต่ทุนประกัน 1 ล้านบาทจะถูกลดลง
10.มูลค่าขยายระยะเวลา
คือ ผู้เอาประกันภัยหยุดจ่ายเบี้ยประกัน แต่ต้องการความคุ้มครองชีวิตที่มีทุนประกันเท่าเดิม โดยระยะเวลาคุ้มครองจะลดลง ดังนั้นระยะเวลาคุ้มครองในสัญญาจะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเราสามารถดูมูลค่าขยายระยะเวลาจากตารางในเล่มกรมธรรม์ได้เช่นกัน (เทคนิคการจำ: วงเงินเท่าเดิม ปีลดลง)
ตัวอย่างเช่น เราทำประกันชีวิตคุ้มครอง 30 ปี แต่เมื่อเปลี่ยนมาใช้เป็นมูลค่าขยายระยะเวลา อาจจะเหลือระยะเวลาคุ้มครอง 20 ปี หากเราเสียชีวิตก็จะได้รับเงินตามทุนประกันที่ทำไว้ แต่ถ้ามีชีวิตอยู่ครบสัญญาก็จะไม่ได้เงินใดๆ คืน
จากคำศัพท์ที่เรานำมาอธิบายในบทความนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นคำศัพท์พื้นฐานที่พบเจอกันบ่อย หวังว่าจะช่วยให้เพื่อนๆ อ่านข้อมูลในแบบประกันเข้าใจมากยิ่งขึ้นนะคะ
ติดตามบทความอื่น ๆ อีกมากมายได้ที่ www.finspace.co
ติดตามเรื่องราวการเงินที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณก่อนใครได้ที่
Facebook : FinSpace
LINE Official : http://bit.ly/2qL8S48
Twitter : http://bit.ly/2keFfVD
Instagram : http://bit.ly/2ktv2o7
Blockdit : https://bit.ly/37EWqmb
กลุ่มความรู้นักลงทุน: http://bit.ly/3clAwZ2
กลุ่มพัฒนาตัวเอง: http://bit.ly/3ejPXnk