FinSpace

สรุปข้อคิดจากหนังสือ “I Will Teach You To Be Rich” ผมจะสอนให้คุณรวย

i will teach you2 1200x628 1

FSSpecialcolumnist x เด็กการเงิน DekFinance | สรุปข้อคิดจากหนังสือ Best Seller “I Will Teach You To Be Rich” ผมจะสอนให้คุณรวย by Ramit Sethi และเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะทำให้เรามีเงินมากขึ้น บางทีเราอาจจะมองข้ามไปก็ได้นะ 😄

i will teach you2

No. 1 รู้ความหมายของคำว่า “รวย” ในความคิดของเรา

รวย ! เท่าไหร่ถึงเรียกว่ารวย เราต้องเข้าใจในความคิดของเราก่อน รวยต้องมีไรบ้าง ต้องมีเงินเท่าไหร่ มีกินใช้เหลือเก็บพอไหม นอกจากการเข้าใจความหมายแล้ว สิ่งที่ทุกคนควรทำคือการใช้เงินอย่างมีสติ ใช้เงินในส่วนที่เราชอบให้พอประมาณ และใช้ในส่วนอื่นๆ ที่สำคัญด้วย บางคนอาจจะเลือกใช้กระเป๋าแบรนด์เนม ซื้อนาฬิกาที่แพงหน่อย ซึ่งดูเหมือนฟุ่มเฟือย แต่ถ้ามองเป็นมุมการลงทุน การที่ซื้อและขายต่อราคาสูงขึ้น ถือว่าเป็นการใช้เงินที่ฉลาดและทำให้เรารวยขึ้นได้ สรุปว่า เราต้องใช้จ่ายอย่างมีสติ ถ้าจะซื้อของแพงต้องสามารถขายต่อได้แพงขึ้นอีกนะ

Advertisements

📍No. 2 Start Today !! เวลาที่จะเก็บเงินได้ดีที่สุดคือตอนนี้เลย

เริ่มได้เลย ไม่ต้องรอช้า เราจะเก็บเงินมากหรือเงินน้อย อย่าไปคิดว่าเงินน้อยหรือแบบเก็บแล้วได้ผลตอบแทนนิดเดียว เพราะทุนไม่เยอะ เพราะการที่เราเริ่มนั้น เราก็ถือว่าได้ลงมือทำแล้ว เป็นการสร้างนิสัยไปในตัวด้วย คนที่เริ่มเก็บเงินตั้งแต่อายุ 25 มีระยะเวลาการเก็บเงินยาวนานถึง 35 ปี ขณะที่คนที่เริ่มเก็บเงินตอน 40 ปี ก็จะมีระยะเวลาการเก็บเงินแค่ 20 ปีเท่านั้น ระยะเวลาที่ต่างกัน ก็ส่งผลต่อผลตอบแทนมากๆ อยู่แล้ว

No. 3 สนใจสิ่งใหญ่ๆ มากกว่าเรื่องเล็กๆ

หลายคนคงเคยได้ยินว่าซื้อทำไมกาแฟ 60-150 บาท กินแบบซอง ชงที่ออฟฟิศก็ได้ หรือไม่กินเลยดีกว่า เพราะต้องเสียทุกวัน ถ้าเลือกจะประหยัดแบบนี้ซึ่งมันก็ดี แต่บางคนกลับนำเงินที่ประหยัดได้ไปใช้ของฟุ่มเฟือยเป็นของหนัก เท่ากับว่าที่เราประหยัดไปหมดไปกับของฟุ่มเฟือย เพราะฉะนั้น สิ่งที่ควรโฟกัสควรจะเป็นตัวหลักๆ ที่ทำให้ไปสู่อิสรภาพทางการเงินได้จะดีกว่า

ทิปเล็กๆ น้อยๆ

  • ทำเรื่องการเงินให้เป็นแบบออโต้
  • ใช้บัตรเครดิตเพื่อให้ได้แต้มไว้ใช้
  • จากข้อ 2 พยายามจ่ายให้หมด ไม่ล่าช้า ไม่ขั้นต่ำ เพื่อปั้น Credit Score
  • เก็บเงินใน Provident Funds ในกรณีที่บริษัทสมทบให้
  • จ่ายบิลทั้งหมดให้เรียบร้อย
  • จ่ายเท่าที่จำเป็น เช่น Netflix เราอยากดูแค่เรื่องเดียว อาจจะเลือกจ่ายแค่ 1 เดือนเท่านั้น ไม่ควรสมัครแล้วจ่ายคาไว้ ทั้งๆที่ก็ไม่ค่อยได้ใช้
  • พยายามให้เงินเดือนขึ้น พยายามปรับตำแหน่งตลอด
  • ใช้เวลาว่างหารายได้เสริม
  • ซื้อบ้านและรถ ให้เหมาะสมกับฐานะ ไม่ใช้เกินตัว
  • เอาเงินไปลงทุน ทำ Asset Allocation ให้เหมาะสม

No. 4 เรื่องเงิน ให้ทำทุกอย่างให้มันเป็นอัตโนมัติ

เวลาเราทำแบบนี้ มันจะเป็นการสร้างวินัยเราไปในตัว เช่น ตัด DCA ลงทุน ตัดโอนอัตโนมัติในค่าใช้จ่ายบางอย่าง เดียวนี้แอปการเงินหรือธนาคาร ก็มีการแบ่งกระปุก เราอาจจะใช้วิธี พอเงินเดือนออก เราก็โอนไปเข้ากระปุกต่างๆ

ยกตัวอย่าง ค่าใช้จ่ายคงที่ (หรือค่าใช้จ่ายจำเป็น)

เช่น ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าน้ำมัน และอื่นๆ 50-60%

เก็บเงินไปลงทุน 10% (ขั้นต่ำที่ควรเก็บได้)

เก็บเงินออม 5-10% ใช้ในยามฉุกเฉิน เหลือก็นำไปลงทุนต่อ

ค่าใช้จ่ายตามความอยาก 20-35%

No. 5 รู้ว่าควรลงทุนอะไรที่ไหน

อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก การที่เราจะลงทุน เราต้องเข้าใจตัวเราเองก่อน เรามีเวลาไหม เรารับความเสี่ยงได้แค่ไหน เป้าหมายเราคืออะไร เราต้องการรายได้สม่ำเสมอหรือเปล่า จากนั้นเราก็ต้องศึกษา Product เพื่อมองหาทางเลือก ว่าอันไหนเหมาะสมกับเราบ้าง

ที่อ่านมาทั้งหมดเนื้อหาส่วนหนึ่งมาจากหนังสือ แล้วความเป็นจริงล่ะ?

1. เลือกลงทุนผ่าน Provident Fund ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงและอายุของเรา อายุน้อยอาจจะเลือกเสี่ยงสูงหน่อย แต่ทั้งนี้ต้องดูด้วยนะ ว่าบริษัทจัดการกองทุน มี Product ให้เลือกมากน้อยแค่ไหน และตัวเลือกที่เราอยากลงทุนไหม ปรับสัดส่วนระหว่างทางได้หรือไม่ แต่ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่สุดต้องดูคือ บริษัทสมทบให้เราหรือเปล่า ถ้าไม่เราก็ไปลงพวก RMF แทนดีกว่า มีทางเลือกเยอะกว่า

Advertisements

2. ตั้งงบสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ หากตามหนังสือจะเป็น ค่าใช้จ่ายคงที่ (หรือค่าใช้จ่ายจำเป็น) เช่น ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าน้ำมัน และอื่นๆ 50-60% เก็บเงินไปลงทุน 10% เก็บเงินออม 5-10% ค่าใช้จ่ายตามความอยาก 20-35%

แต่ !! ที่เราแบ่งง่ายที่สุดคือ 50 / 30 / 20 โดย 50% คือสัดส่วนที่จำเป็น 30% คือสัดส่วนที่เราอยากใช้เพื่อความสุข และ 20% คือสัดส่วนที่เราเก็บลงทุน *สัดส่วนสามารถปรับได้*

ชอบไอเดียที่บอกว่าเราสามารถเลือกซื้อที่เราชอบได้ ในขณะที่คนอื่นอาจจะมองว่าฟุ่มเฟือย หรือมองว่าเราใช้เงินแบบนี้เราไม่มีทางรวย แต่ถ้าเราอยากซื้อ เราก็ต้องบริหารงบดีๆ อาจจะดูจาก 30% ที่เราทำได้ หรือเราใช้วิธีลดค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ ด้วย เพื่อเราจะได้ซื้อสิ่งที่เราอยากได้ โดยของที่เราอยากได้จะดีมาก ถ้ามันราคาขึ้น หรือขายออกง่ายด้วย เช่น นาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนด์เนม

3. เมื่อเรารู้ว่าเราจะใช้เงินกับอะไรแล้ว ให้ตั้งออโต้กับทุกอย่างไว้เลย เช่น พอเงินออกเราก็โอนเงินไปในบัญชีต่างๆ เช่น บัญชีไว้ใช้สำหรับเก็บเงิน บัญชีสำหรับลงทุน บัญชีสำหรับเกษียณ เราตั้งไว้เลย สำหรับการลงทุนเราอาจจะตั้งเป็น DCA ไว้ก็ได้ คือการตัดเงินซื้ออัตโนมัติทุกๆ เดือน ตามที่เราตั้งไว้

เดียวนี้แอปธนาคารมีหลายอันมากเช่น Kept /TTB

โดยพวก Kept / Make by Kasikorn ก็จะมีกระเป๋าหรือกระปุกย่อยๆ ให้เราเลือกด้วยนะ พวกนี้เปิดบัญชีง่ายแถมได้ดอกเบี้ยที่โอเคเลย 2% สำหรับ Kept / TTB (ต้องดูสัดส่วนเงินด้วยนะ แต่ไม่เยอะ)

4. ตามสามเหลี่ยมทางการเงิน คนเราต้องเลือกจะเก็บ Emergency Fund หรือเงินฉุกเฉินก่อน โดยสมัยนี้อาจจะ 3-6 เดือนไม่พอแล้ว หลังเจอโควิด ควรเก็บแบบ 12 เดือนไปเลย บางคนอาจจะใช้เวลาเป็นปี หรือมากกว่า 1 ปี ในการเก็บส่วนนี้ ถามว่าเราทำอื่นไม่ได้เลยหรอ เช่น ลงทุน หรือโอนย้ายความเสี่ยงโดยซื้อประกัน แน่นอนว่าในความเป็นจริงเราสามารถทำไปพร้อมกันได้ เพราะถ้าเราเก็บแต่ Emergency Fund แต่ไม่ซื้อประกันเลย ถ้าเกิดไรขึ้นกับเราระหว่างทาง จะทำไงล่ะ?

Advertisements

5. ใช้บัตรเครดิตให้เป็น บัตรเครดิต บางคนแขยง บอกไม่อยากใช้กลัวตัวเองใช้เยอะ แน่นอนว่ามันขึ้นอยู่กับวินัยของเรา แต่บัตรเครดิตไม่ได้น่ากลัว การที่เราใช้บัตรเครดิต เป็นการที่ทำให้เรามีประวัติใน Credit bureau ด้วย อีกหน่อยจะซื้อบ้าน คอนโด รถ ก็จะง่าย แต่ทั้งนี้ต้องมี Credit score คือคะแนนที่ดีด้วยนะ ไม่จ่ายช้า ไม่จ่ายขั้นต่ำ แค่นี้ก็โอเคละ

6. รายจ่ายของเรามีลิมิตนะ แต่รายรับของเราไม่มีลิมิต แม้จะทำงานประจำ ด้วยยุคสมัยนี้ก็สามารถหาเงินผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย โดยต้นทุนมีแค่ “เวลา” เท่านั้น ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย พยายามเพิ่มรายได้ ทั้งจากงานประจำเองก็ดี พยายามโยกย้ายปรับเปลี่ยนต่ำแหน่งให้เงินเดือนขึ้น ขณะที่ก็มีรายได้ช่องทางอื่นด้วย

7. ลงทุนให้เป็น ! ไม่มีคนรวยคนไหนไม่ลงทุน เขาอาจจะลงทุนในหุ้น กองทุน หรือเป็นธุรกิจ แต่เขาลงทุนสักอย่างแน่ๆ เพราะฉะนั้นลงทุนให้เป็น ถ้าเราเลือกจะลงทุนหุ้น กองทุน ก็ต้องศึกษาให้ดี ถ้าไม่มีความรู้อยากหาคนมาช่วยคิดก็หาที่ปรึกษาทางการเงิน แต่อย่าลืมเงินของเราเอง เราต้องเป็นคนตัดสินใจ และยอมรับผลนั้นๆ


ติดตามบทความอื่น ๆ อีกมากมายได้ที่ www.finspace.co
ติดตามเรื่องราวการเงินที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณก่อนใครได้ที่
Facebook : FinSpace
Instagram : http://bit.ly/2ktv2o7
X : http://bit.ly/2keFfVD
Blockdit : https://bit.ly/37EWqmb
กลุ่มความรู้นักลงทุน: http://bit.ly/3clAwZ2
กลุ่มพัฒนาตัวเอง: http://bit.ly/3ejPXn

Advertisements

FinSpace

https://www.finspace.co/

"เรื่องราวการเงินที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณ"

Related post

Advertisements