บทเรียนขาดทุนหุ้นจากราคา 20 กว่าบาทเหลือเพียง 0.8 บาทต่อหุ้น
FSspecialcolumnists x นายแว่น ลงทุน – Naiwaen Investment l บทเรียนขาดทุนหุ้นจากราคา 20 กว่าบาทเหลือเพียง 0.8 บาทต่อหุ้น
ความน่ากลัวของการเชื่อสุดใจ
การลงทุนหุ้นเปรียบเหมือนเหรียญที่มี “สองด้าน” คือ มีด้านที่ทำกำไร และเปลี่ยนชีวิตนักลงทุน กับอีกด้านที่ทำให้เราขาดทุน ล่มสลาย ก็เป็นไปได้ทั้งนั้นครับ
ที่ผ่านมามีนักลงทุนรุ่นพี่ท่านหนึ่งได้มาขอคำปรึกษาผม ท่านคนนี้เป็นข้าราชการเกษียณอายุแล้ว มีเงินจากการเกษียณราว “สี่ล้านบาท” และได้นำเงินก้อนนั้นไปซื้อหุ้นตัวหนึ่งในตลาดหุ้นที่ราคาราว ๆ “สิบกว่าบาท” ซึ่งใช้แนวทาง “ซื้อแล้วถือยาว”
สาเหตุที่ตัดสินใจซื้อมาจากการที่เห็นหุ้นตัวนี้หล่นลงมากว่า “ครึ่งนึง” หรือหล่นมาจากราคาราว “ยี่สิบบาท” จนเหลือ “สิบกว่าบาท” ดังกล่าว ทำให้รู้สึกว่าหุ้นตัวนี้ราคา “ถูก” ประกอบกับการที่พี่ท่านนี้ได้ทำการ “วิเคราะห์กิจการ” นี้ว่าดี เพราะเป็นกิจการค้าปลีก และมีการขยายสาขา มีสินค้าที่ส่งออกไปขายยังต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศ “จีน” ที่ต้องบอกว่าประชากรมีจำนวนมาก และถ้า “ติดตลาด” ก็จะทำกำไรได้มากมายมหาศาล ตามที่ “ผู้บริหาร” ได้กล่าวไว้อย่างน่าฟังไม่น้อย !
ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามที่คิด !
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ราคาหุ้นกลับปรับตัวลดลง สวนทางกับคำพูดอันสวยงาม หุ้นตัวนี้ปรับตัวลงเรื่อย ๆ ต่ำสิบบาทก็แล้ว ต่ำห้าบาทก็แล้ว ต่ำสามบาทก็แล้ว และปัจจุบัน “ต่ำบาท” !
หากเรามองย้อนกลับไปจะพบว่า หุ้นตัวนี้รายได้เริ่มตกลงมา โดยสาเหตุคำอธิบายที่นักลงทุนพอจะหาฟังได้ในเวลานั้น ได้แก่ สินค้าโดยลอกเลียนแบบ มีการบริหารจัดการที่ผิดพลาด สินค้าไม่ผ่านหน่วยงานรัฐในต่างประเทศ ฯลฯ
แต่ข้อเท็จจริงที่เห็น ๆ ก็คือ ราคาหุ้นตกต่ำลงมาเรื่อย ๆ แม้จะมีเด้งบ้างเป็นพัก ๆ แต่นั่นคือการ “เด้งในขาลง” คือ ราคาเด้งตาม “เทคนิคคอล” หรือมีการเก็งกำไรเป็นพัก ๆ จากนักลงทุนระยะสั้น ส่วนนักลงทุนระยะยาวก็ต้อง “กลืนเลือด” ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า และต้องเจ็บปวดรวดร้าวอย่างที่สุด ไม่สามารถอธิบายได้ มันจุกอยู่ในอก !
การลงทุนแบบซื้อตัวเดียวด้วยเงินทั้งหมด
การลงทุนครั้งนี้เป็นความเสียหายมหาศาล เนื่องจากมันคือ “การลงทุนแบบซื้อตัวเดียวด้วยเงินทั้งหมด” หรือที่เราเรียกติดปากว่า “all in” กับหุ้นเพียงตัวเดียว ซึ่งพี่ข้าราชการเกษียณท่านนี้ใช้เงินทั้งหมดราว ๆ “สี่ล้านบาท” มาลงทุนกับหุ้นตัวนี้ ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบว่าซื้อทีเดียว หรือทยอย “ถัวเฉลี่ยขาลง” แต่ไม่ว่าจะทำแบบไหน ก็ล้วนสร้างความเจ็บปวดให้ทั้งสิ้นครับ !
ข้อคิดของกรณีศึกษานี้ ก็คือ ประการแรก เราไม่ควรรักหุ้นมากจนเกินไป ไม่ควรไว้ใจคำพูดสวยหรู และต้องติดตามการเติบโตของหุ้นตัวนั้น ๆ ให้ดี ว่ามัน “โตจริง” หรือ “โตเทียม” เพราะหากเป็นอย่างหลังเราแย่แน่ ๆ
ประการต่อมา เราไม่ควรใช้วิธีการลงทุนแบบซื้อตัวเดียวด้วยเงินทั้งหมด หรือ “all in” เพราะหากเราเสียหาย เราจะเสียหายหนัก เราไม่ควรคิดว่าเราจะรวยแค่ไหน ได้เท่าไหร่ ควรคิดว่าทำอย่างไรไม่ให้ “ขาดทุน” ก่อน ดังคำสอนของ “วอเรนต์ บัฟเฟตต์” นักลงทุนระดับโลกที่กล่าวไว้ว่า “จงอย่าขาดทุน” นั่นเองครับ
ติดตามบทความอื่น ๆ อีกมากมายได้ที่ www.finspace.co
ติดตามเรื่องราวการเงินที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณก่อนใครได้ที่
Facebook : FinSpace
LINE Official : http://bit.ly/2qL8S48
Twitter : http://bit.ly/2keFfVD
Instagram : http://bit.ly/2ktv2o7
Blockdit : https://bit.ly/37EWqmb
