เคล็ดไม่ลับฉบับ IKEA จากเซลล์แมนขายไม้ขีดไฟ… สู่แบรนด์เฟอร์นิเจอร์คุณภาพคุ้มราคา
ไม่ว่าจะแต่งบ้านหรือซื้อเฟอร์นิเจอร์ตัวโปรด เชื่อว่าหลายๆ คนคงมีตัวเลือกในใจอย่าง IKEA เป็นอันดับต้นๆ ในฐานะแบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านราคาเป็นมิตรจากสวีเดน
แต่กว่าจะกลายเป็นแบรนด์ใหญ่ยักษ์สีน้ำเงินเหลืองนี้ได้ IKEA เริ่มต้นอย่างไร อะไรเป็นจุดเด่นของแบรนด์นี้ ?
วันนี้ FinSpace จะพาไปทำความรู้จักกับ IKEA ไปพร้อมๆ กัน
ก่อนที่จะกลายเป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ใหญ่ยักษ์ IKEA เริ่มต้นจากบุรุษชาวสวีเดนนามว่า “Ingvar Kamprad” ผู้เป็นเซลล์แมนขายสินค้าเครื่องเขียนและของใช้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น ไม้ขีดไฟ ดินสอ นาฬิกา แต่เมื่อมีอายุครบ 17 ปี ในปี 1943 Ingvar ก็ได้ก่อตั้งแบรนด์ IKEA ขึ้นมาเพื่อต่อยอดมาขายเฟอร์นิเจอร์เป็นหลัก
ด้วยประสบการณ์การเป็นเซลล์แมนมาก่อน เขารู้ดีว่าการส่งพัสดุเป็นเฟอร์นิเจอร์ซึ่งมีขนาดใหญ่นั้นจะเป็นอุปสรรคต่อธุรกิจตัวใหม่ของเขาอย่างแน่นอนหากไม่มองหาทางออก
Ingvar จึงริเริ่มการส่งเฟอร์นิเจอร์ในรูปแบบประกอบเอง ซึ่งนอกจากจะช่วยให้การขนส่งสะดวกมากขึ้นแล้ว ยังช่วยลดโอกาสชำรุดระหว่างทางอีกด้วย
เขาเองยังเสริมด้วยการใช้หนังสือแคตตาล็อกเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่อยู่ไกลสามารถเลือกสินค้าได้ราวกับไปเลือกซื้อด้วยตัวเอง แต่ด้วยความต้องการที่มากขึ้นประกอบกับการเติบโตที่ต่อเนื่อง โชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ที่แรกของ IKEA จึงก่อตั้งขึ้นในปี 1953 ตามมาด้วยสโตร์ที่แรกของ IKEA ในปี 1965 เช่นกัน…
แม้ IKEA จะก่อตั้งมามากกว่า 70 ปีแล้ว แต่แนวทางการทำธุรกิจนั้นแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์การแข่งขันกับคู่แข่งแบรนด์เฟอร์นิเจอร์เจ้าถิ่นที่ไม่เลือกตั้งสโตร์ของตัวเองในย่านกลางเมือง แต่เลือกมองหาพื้นที่ย่านชานเมืองที่ราคาที่ดินถูกกว่า
ทำให้สโตร์ของ IKEA มีพื้นที่กว้างขวาง ในขนาดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 35,000 ตารางเมตร และเต็มไปด้วยสินค้ากว่า 8,000 ชิ้น จึงกลายเป็นจุดแข็งที่น่าสนใจอย่างมาก เพราะแม้มีแค่ 1 สาขาในเมืองใหญ่ๆ หรือภูมิภาคนั้นแล้ว แต่สินค้าก็ครบครันอยู่ทุกชิ้น ลูกค้าจึงไม่ต้องห่วงว่าสาขาใกล้บ้านของตนจะมีสินค้าที่ต้องการหรือไม่ แถมยังทำให้การควบคุมระบบโลจิสติกส์ง่ายขึ้น
ส่วนภายในของสโตร์ IKEA เอง ก็เรียกได้ว่ามีลักษณะไม่แตกต่างจากสวนสนุกที่ออกแบบจุดน่าสนใจและเครื่องเล่นต่างๆ อย่างเป็นระบบ โดยลูกค้าจะได้เดินดูสินค้าจากแผนกต่างๆ ที่จัดเป็นสัดส่วนจากชิ้นใหญ่ไปชิ้นเล็กใน 1 รอบการเดิน
แถมในปัจจุบัน สโตร์ IKEA ยังมีร้านอาหารและสนามเด็กเล่นในตัว ช่วยให้การจับจ่ายซื้อสินค้าที่สโตร์สะดวกมากขึ้น เพราะใครที่มีครอบครัวคงเข้าใจดีกว่าการมีสนามเด็กเล่นและร้านอาหาร ย่อมช่วยให้ครอบครัวสามารถใช้เวลาร่วมกันได้อย่างต่อเนื่อง
การออกแบบสโตร์ในแบบ IKEA นี้ ทำให้ลูกค้าใช้เวลาที่สโตร์มากถึง 1 ชั่วโมง 30 นาทีต่อ 1 ครั้ง นอกจากนี้ 60% ของสินค้าที่ซื้อมายังเป็นสินค้าที่ไม่ได้วางแผนจะซื้อไว้อีกด้วย (เพราะเจอระหว่างทางนั่นเอง)
อีกจุดเด่นที่ขาดไม่ได้ นั่นคือเฟอร์นิเจอร์ IKEA สามารถนำมาประกอบเองได้ง่าย นอกจากนี้ผลการวิจัยทางจิตวิทยายังบอกอีกด้วยว่าการประกอบเฟอร์นิเจอร์ด้วยตัวเองยังทำให้เรารู้สึกถึงคุณค่าของเฟอร์นิเจอร์มากขึ้นอีกด้วย เรียกว่าได้ประโยชน์ทั้งฝ่าย IKEA เองที่ลดขั้นตอนการผลิตและขนส่ง ส่วนฝั่งลูกค้าเองก็สนุกและภูมิใจกับการประกอบสินค้าด้วยตัวเองอีกเช่นกัน
ถ้าเทียบเฟอร์นิเจอร์ IKEA กับเจ้าอื่นๆ ในท้องตลาดแล้ว จะเห็นได้ว่าราคาเฟอร์นิเจอร์ของ IKEA นั้นไม่ได้แพงอย่างที่คิด เพราะรูปแบบการผลิตของ IKEA นั้นคือการตั้งราคาของเฟอร์นิเจอร์ไว้ล่วงหน้า เพื่อให้นักออกแบบมากกว่า 20 คนทำงานร่วมกันในการสร้างสรรค์สินค้าที่มีคุณภาพและต้นทุนไม่สูงเกินไปอีกเช่นกัน
สรุปแล้ว IKEA เป็นอีกแบรนด์ที่น่าสนใจอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีสินค้าคุณภาพในราคาเข้าถึงง่าย องค์ประกอบอื่นๆ ของ IKEA ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการออกแบบสโตร์ที่เน้นครบจบในที่เดียว ต่างจากแบรนด์อื่นๆ ที่เน้นขยายสาขา จนไปถึงการออกแบบสโตร์ให้ไม่ต่างจากสวนสนุกเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้มากที่สุด กลายเป็นภาพลักษณ์แบบฉบับสวีเดนที่โดดเด่น เพราะใม่ว่าจะเป็นสโตร์ IKEA ที่ไหนก็ตามบนโลกนี้ ลูกค้าก็มั่นใจได้ว่าแต่ละที่จะมีมาตรฐานเท่าเทียมกันเสมอ
ติดตามบทความอื่น ๆ อีกมากมายได้ที่ www.finspace.co
ติดตามเรื่องราวการเงินที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณก่อนใครได้ที่
Facebook : FinSpace
LINE Official : http://bit.ly/2qL8S48
Twitter : http://bit.ly/2keFfVD
Instagram : http://bit.ly/2ktv2o7
Blockdit : https://bit.ly/37EWqmb