FinSpace

สรุปธุรกิจ ‘โอ้กะจู๋’ สวนผัก 2 พันล้าน

โอ้กะจู๋ สรุปธุรกิจ

ถ้าจะพูดถึงธุรกิจร้านอาหารที่กำลังฮิตติดลมบนที่สุดในเวลานี้ เชื่อว่าต้องมีชื่อของโอ้กะจู๋เป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน วันนี้ FinSpace เลยอยากจะพาไปรู้จักกับธุรกิจนี้ แบบสรุปง่ายๆ จบใน 10 ข้อ

  1. โอ้กะจู๋’ คือชื่อของร้านอาหารที่มีจุดเริ่มต้นมาจากจังหวัดเชียงใหม่ โดยผวนมาจากคำว่า ‘อู๋กับโจ้’ ที่เป็นชื่อของ 2 สมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง ซึ่งเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ชั้นมัธยม และพื้นฐานทางบ้านของทั้งคู่ก็มาจากการทำเกษตร
  2. จุดขายของร้านโอ้กะจู๋ คือ เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ใช้ผักออร์แกนิกที่ปลูกเองจากสวนผักของร้าน โดยมีคอนเซ็ปต์ง่ายๆ คือ “ปลูกผักเพราะรักแม่” เพราะอยากให้คนได้กินผักสดๆ วัตถุดิบดีๆ เหมือนคนในครอบครัวปลูกเองกับมือ
  3. ก่อนจะเป็นร้านอาหารโด่งดังแบบทุกวันนี้ พวกเขาเริ่มมาจากการทำสวนผักออร์แกนิกกันก่อน ตั้งแต่ปี 2553 โดยอาศัยเงินทุนจากครอบครัว จำนวน 50,000 บาท และเริ่มปลูกผักเน้นขายส่งให้ร้านอาหารในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
  4. หลังจากป้อนผักให้ร้านอาหารได้ 2 ปี ก็พบข้อจำกัดที่ว่าผักเป็นผลผลิตที่มีอายุการเก็บที่ต่ำ และเมื่อเป็นผักออร์แกนิกที่มีราคาสูง ทำให้ไม่สามารถส่งขายตามร้านอาหารทั่วไปได้พวกเขาจึงตัดสินใจแก้ปัญหานี้ ด้วยการเปิดร้านอาหารหน้าฟาร์มของตัวเองไปเลย ซึ่งได้ผลดีถึงสองต่อ ทั้งเพิ่มมูลค่าให้ผักที่ลูกและนำผลผลิตที่เหลือมาใช้ให้เกิดประโยชน์
  5. ร้านอาหารโอ้กะจู๋ สาขาแรกตั้งอยู่ที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นร้านเล็กๆ ตั้งอยู่หน้าฟาร์มผัก รองรับลูกค้าแค่ประมาณ 10 ที่นั่งเท่านั้น ด้วยกระแสความนิยมปากต่อปากมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาจึงตัดสินใจหันมาโฟกัสธุรกิจร้านอาหารเต็มตัว เพราะมีอัตรากำไรที่ดีกว่า กระทั่งในปี 2560 โอ้กะจู๋ ก็ได้ขยายสาขาเข้ามากรุงเทพฯ ที่สยามสแควร์
  6. ปัจจุบันร้านอาหารโอ้กะจู๋ มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 14 สาขา แบ่งเป็น เชียงใหม่ 2 สาขา และกรุงเทพฯ 12 สาขา รวมทั้งมีโรงเรือนสำหรับปลูกพืชผัก จนมีฟาร์มผักขนาดใหญ่ 4 แห่ง พื้นที่รวมมากกว่า 200 ไร่ ผักเกือบทั้งหมดที่ขายในร้านก็มาจากฟาร์มผักของตัวเอง ส่วนผักบางอย่างที่ไม่สามารถปลูกได้เอง เช่น มะเขือเทศ แครอท ทางร้านก็จะมี Contract Farming กับเกษตรกรในเชียงใหม่
  7. ผลประกอบการย้อนหลังของบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด พบว่ามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ดังนี้
    • ปี 2559 กำไรสุทธิ 1.2 ล้านบาท เติบโต 490%
    • ปี 2560 กำไรสุทธิ 1.8 ล้านบาท เติบโต 47%
    • ปี 2561 กำไรสุทธิ 11.8 ล้านบาท เติบโต 545%
    • ปี 2562 กำไรสุทธิ 79.8 ล้านบาท เติบโต 577%
      จะเห็นว่าช่วง 4 ปีที่ผ่านมา กำไรของบริษัทโตขึ้นทุกปี อย่างไรก็ดี ต้องจับตามองงบปี 2563 ว่าธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากน้อยแค่ไหน
  8. การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ ‘โอ้กะจู๋’ ทำให้ล่าสุดถูกบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น OR ตัดสินใจเข้าซื้อหุ้นโอ้กะจู๋ ที่สัดส่วน 20% คิดเป็นมูลค่า 500 ล้านบาท แปลว่าหากเราคิดกันไวๆ มูลค่าบริษัทของโอ้กะจู๋ นั้นสูงกว่า 2,500 บาทไปแล้ว
  9. ทาง OR ให้เหตุผลที่เข้าลงทุนใน ‘โอ้กะจู๋’ ว่าป็นการลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพ เพื่อนำมาต่อยอดร่วมกับธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่มในเครือ ซึ่ง ‘โอ้กะจู๋’ จะเข้ามาเสริมจุดแข็งในกลุ่มคนที่รักสุขภาพ โดยช่วงแรก OR จะนำอาหารของโอ้กะจู๋มาขายในรูปแบบ Grab & Go วางขายในร้าน Café Amazon เน้นความกินง่าย สะดวก แต่ดีต่อสุขภาพ คาดว่าจะสามารถเริ่มจำหน่ายได้ในไตรมาส 2 ของปี 2564
  10. จะเห็นความสำเร็จของโอ้กะจู๋ เกิดจากการต่อยอดจากธุรกิจเล็กๆ เรียบง่าย ที่ดูเผินๆ เหมือนใครก็สามารถปลูกผักตามได้ แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ในนั้นกลับเต็มไปด้วยหลงใหล ความใส่ใจในรายละเอียด และเรื่องราวที่ยากจะเลียนแบบ

ที่มา :
a day BULLETIN (http://bit.ly/3eiiw4D)
The Standard (http://bit.ly/2O9WmGZ)
กรรมกรธุรกิจ (http://bit.ly/3kVXfin)
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (http://bit.ly/3c8qdHP)

Advertisements
Advertisements

ติดตามบทความอื่น ๆ อีกมากมายได้ที่ www.finspace.co
ติดตามเรื่องราวการเงินที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณก่อนใครได้ที่
Facebook : FinSpace
LINE Official : http://bit.ly/2qL8S48
Twitter : http://bit.ly/2keFfVD
Instagram : http://bit.ly/2ktv2o7
Blockdit : https://bit.ly/37EWqmb

Advertisements
Advertisements

FinSpace

https://www.finspace.co/

"เรื่องราวการเงินที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณ"

Related post

Advertisements