เปิดสูตรลงทุนสไตล์ “พัคแซรอย” จาก Itaewon Class

#Lifestyle | เปิดสูตรลงทุนสไตล์ “พัคแซรอย” จาก Itaewon Class
วันนี้อยากจะเล่าถึงซีรีย์ฮิตบน Netflix ที่เพิ่งจบไปหมาดๆ อย่าง “Itaewon Class” กันสักหน่อยครับ
พล็อตเรื่องคร่าวๆ นั้นเป็นการเล่าชีวิตของ “พัคแซรอย” เด็กหนุ่มที่มีความฝันอยากจะทำธุรกิจของตัวเองให้ประสบความสำเร็จ
ซึ่งนอกจาก Itaewon Class จะเต็มไปด้วยความสนุกแบบครบรสแล้ว ยังแฝงไปด้วยแง่มุมธุรกิจ และไอเดียในการลงทุน
ยิ่งถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าตัวเอกของเรื่องอย่าง “พัคแซรอย” มีวิธีคิดของการเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอยู่เยอะมาก ซึ่งเราสามารถนำมาปรับใช้กับการลงทุนจริงได้อีกด้วย
[ บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของซีรีส์ Itaewon Class ]
1. โฟกัสเป้าหมายชัดเจน

เป้าหมายสูงสุดของ พัคแซรอย คือการโค่นบริษัทชางกา และต้องการก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจอาหารของเกาหลี
สิ่งหนึ่งที่ Itaewon Class บอกกับเราก็คือทุกความสำเร็จที่เกิดขึ้นล้วนมาจากการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และมุ่งมั่นทำตามแผนอย่างมีวินัย
เพราะยิ่งเป้าหมายเราชัดมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งโฟกัสได้มากขึ้นเท่านั้น
เช่นเดียวกับการลงทุนที่ต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า เราลงทุนไปทำไม เพื่อจะได้หาวิธีการ และเครื่องมือที่เหมาะสมกับเป้าหมายนั้นๆ
2. ให้เวลากับแผนระยะยาว

กว่าที่ พัคแซรอย จะประสบความสำเร็จกับบริษัท Itaewon Class เขาใช้เวลามากกว่า 14 ปี ซึ่งนี่เป็นแผนการระยะยาวที่เขาวางไว้ และให้เวลา ค่อยๆ ลงมือทำตามแผนไปเรื่อยๆ
โดยไม่ได้รีบร้อนจะประสบความสำเร็จ หรือใช้ทางลัดจากเงินประกันก้อนโตที่ได้จากการเสียชีวิตของพ่อ แต่กลับใช้เงินก้อนนั้นมาลงทุนในหุ้น และให้เวลางอกเงย จนเป็นฐานที่แข็งแรงในอนาคต
ซึ่งนี่เป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนเลย เพราะแม้ระยะสั้นตลาดจะมีความผันผวนมาก แต่ในระยะยาวแล้ว ผลลัพธ์ของการลงทุนในวันนี้ มักจะให้การเติบโตที่ดีเสมอ
3. เรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จ

พัคแซรอย ใช้เวลา 2 ปีระหว่างติดคุก พยายามอ่านหนังสือทุกเล่มของ ชางแดฮี ประธานบริษัทชางกา และนำบทเรียนต่างๆ มาปรับใช้กับธุรกิจของตัวเอง แม้คนๆ นั้นจะเป็นศรัตรูคู่แค้นก็ตาม
4. ลงทุนแบบเน้นคุณค่า
มีตอนหนึ่งในเรื่องที่สะท้อนความเป็นนักลงทุนเน้นคุณค่า หรือ VI ของพัคแซรอย ได้เป็นอย่างดี นั่นคือเหตุการณ์ที่เขาตัดสินใจช้อนซื้อหุ้นของบริษัทคู่แข่งในช่วงที่ภาพลักษณ์มีปัญหา จนราคาหุ้นร่วงลงมาก
ชางแดฮี ถามเขาว่าทำไมถึงกล้าเสี่ยงนำเงินก้อนโตมาซื้อหุ้นที่กำลังโดนเทขาย ซึ่ง พัคแซรอย ก็ได้ตอบไปว่า
“แม้ภาพลักษณ์บริษัทจะเสียหาย แต่คุณค่าไม่ได้เปลี่ยนจากเดิมครับ”
5. เชื่อใน Positive sum game
Positive sum game คือ เกมที่สุดท้ายแล้ว ผู้เล่นทุกคนจะกำไรเหมือนกันหมด ต่างจาก Zero sum game ที่เมื่อมีคนได้ ก็ต้องมีคนเสีย
เหตุการณ์หนึ่งสะท้อนให้เห็นว่า พัคแซรอย เป็นคนที่เชื่อใน Positive sum game จากการที่เขาพยายามช่วยเหลือร้านในย่านใกล้เคียงให้ขายดีขึ้น เพราะมองว่าเมื่อทุกร้านขายดีด้วยกันหมด ก็จะดึงคนเข้ามาย่านนี้มากขึ้น และส่งผลบวกกลับมาให้ตัวเองในอนาคตนั่นเอง
ติดตามบทความอื่น ๆ อีกมากมายได้ที่ www.finspace.co
ติดตามเรื่องราวการเงินที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณก่อนใครได้ที่
Facebook : FinSpace
LINE Official : http://bit.ly/2qL8S48
Twitter : http://bit.ly/2keFfVD
Instagram : http://bit.ly/2ktv2o7
Blockdit : https://bit.ly/37EWqmb