ฟองสบู่ดอกทิวลิป คืออะไร? ทำไม Ray Dalio บอกว่าเหมือน Bitcoin
![ฟองสบู่ดอกทิวลิป](https://www.finspace.co/wp-content/uploads/2021/09/Tulip_BRIEF-1200x628-1.png)
เหตุการณ์ฟองสบู่ดอกทิวลิป หรือ Tulip Mania ถูกกลับมาพูดถึงอีกครั้ง เมื่อ Ray Dalio ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่าอนาคตของบิทคอยน์ อาจเป็นเหมือนกรณีของฟองสบู่ดอกทิวลิป
Ray Dalio ให้มุมมองส่วนตัวว่าบิทคอยน์ เป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีมูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value) ดังนั้น เมื่อได้รับความนิยมถึงจุดหนึ่ง ก็มีโอกาสที่จะค่อยๆ จางหายไป และยิ่งถ้าได้รับความนิยมมากขึ้น สุดท้ายแล้วหน่วยงานของรัฐจะต้องเข้ามากำกับดูแลอย่างแน่นอน
หลายคนในนี้คงรู้จักบิทคอยน์กันอย่างดี แต่พอพูดถึงวิกฤตดอกทิวลิป เชื่อว่าคงมีไม่น้อยที่อาจจะไม่ค่อยคุ้น เอาเป็นว่า… เราจะพาไปย้อนรอยเหตุการณ์ครั้งนี้กัน
![Was the tulip bubble really a bubble? — Adam Smith Institute](https://images.squarespace-cdn.com/content/v1/56eddde762cd9413e151ac92/1464019498863-C2YMV1HMV69XL7WIJQLY/c22cb6033f069963e4a07f627e3e9627.jpg?format=1500w)
1. วิกฤตดอกทิวลิป (Tulip Mania) ถือว่าเป็นฟองสบู่ครั้งแรกของโลกที่เกิดขึ้นในช่วงปี 1600-1700 โดยเกิดจากเก็งกำไร “หัวทิวลิป” อย่างไร้เหตุผลในประเทศเนเธอร์แลนด์ จนทำให้ทิวลิป 1 หัว เคยมีราคาแพงถึง 1 ล้านบาท!
.
2. จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ เกิดขึ้นเมื่อ 385 ปีก่อน เดิมทีดอกทิวลิปไม่ใช่พืชพื้นเมืองของเนเธอร์แลนด์ แต่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศตุรกี ซึ่งในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 ถึงเริ่มมีการนำเข้ามาในยุโรป ด้วยสวยงามแปลกตาของดอกทิวลิปในสมัยนั้น ทำให้ได้รับความนิยมอย่างมากในเนเธอร์แลนด์ และกลายเป็นสัญลักษณ์แสดงฐานะ ถ้าใครมีดอกทิวลิป ก็จะถูกมองว่าไฮโซ ร่ำรวยสุดๆ
.
3. ราคาของดอกทิวลิปจึงค่อยๆ แพงขึ้นๆ และที่สำคัญคนเริ่มหันมาเพาะพันธุ์กันเยอะขึ้น กลายเป็นว่าใครมีที่ดินการเกษตร จากที่เคยปลูกพืชผักผลไม้ ก็เอามาปลูกดอกทิวลิปกันทั่วประเทศ
.
4. พอเป็นแบบนี้ จึงไม่ใช่แค่ดอกทิวลิปแล้วที่ขายดี แต่ลามไปถึงหัวทิวลิปสำหรับเพาะพันธุ์ด้วย ทุกคนเริ่มมีความต้องการเพื่อจะเอาไปปลูกขายทำกำไร แน่นอนว่าเมื่อ Demand มีมาก แต่ Supply ยังน้อย (เพราะเพิ่งมีการนำเข้ามาไม่นาน) ราคาจึงสูงขึ้นรวดเร็ว
.
5. ปัญหาคือธรรมชาติของทิวลิปจะออกดอกปีละครั้ง จึงเกิดการซื้อ-ขายใบจอง หรือสัญญาซื้อขายทิวลิปล่วงหน้า (Future Contract) นั่นเอง ซึ่งจะบอกว่าเป็นจุดเริ่มต้นของฟองสบู่ก็ว่าได้ เพราะเมื่อมีสัญญาซื้อขาย ก็เกิดการเก็งกำไรจากพ่อค้า โดยนำไปขายต่อกันเรื่อยๆ พูดง่ายๆ ว่าซื้อมาแพงเท่าไหร่ ขายต่อแพงกว่า
.
6. ราคาของสัญญาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการบันทึกไว้ว่ามูลค่าสูงสุดของทิวลิป 1 หัว เคยสูงถึง 1 ล้านบาท แต่แล้วจู่ๆ ในวันที่ 3 ก.พ. 1637 เมื่อราคาแพงขึ้นมาถึงจุดหนึ่ง คนเริ่มตระหนักถึงมูลค่าที่แท้จริงของมัน ทำให้ทุกคนต่างรีบขายสัญญาณกันใหญ่ และไม่มีใครยอมจ่ายในราคาที่สูงอีกแล้ว สุดท้ายฟองสบู่ก็แตก ราคาหัวทิวลิปตกลงอย่างรวดเร็ว และแทบจะหมดค่า สิ้นสุดการปั่นราคาทิวลิปอย่างบ้าคลั่งโดยใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึง 1 ปี
.
7. แม้เหตุการณ์นี้จะผ่านมาหลายร้อยปี แต่คำว่า Tulip Mania ก็ยังถูกหยิบยกมาเปรียบเปรยกับวิกฤตฟองสบู่ในหลายๆ ครั้ง และล่าสุดกับการที่ Ray Dalio หยิบมาเปรียบเทียบกับมูลค่าของบิทคอยน์นั่นเอง
.
ขอบคุณข้อมูลจาก
ติดตามบทความอื่นๆ อีกมากมายได้ที่ www.finspace.co
ติดตามเรื่องราวการเงินที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณก่อนใครได้ที่
Facebook : FinSpace
LINE Official : http://bit.ly/2qL8S48
Twitter : http://bit.ly/2keFfVD
Instagram : http://bit.ly/2ktv2o7
Blockdit : https://bit.ly/37EWqmb