FinSpace

จัดกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีระดับโลก ปี 2564 พร้อม Top 5 หุ้นกลุ่มที่น่าสนใจ

กลุ่มเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก (Transformative Technology) มีกี่แบบ ? ผลตอบแทนและ Valuation กลุ่มที่น่าสนใจเป็นยังไงบ้าง

จัดกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี

กลุ่มเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก (Transformative Technology) มีกี่แบบ?
บทความโดย เด็กการเงิน DekFinance

Advertisements

MSCI Index เป็นดัชนีอ้างอิงของบริษัท Morgan Stanley Capital International (MSCI) ซึ่งบริษัทจัดการกองทุนทั่วโลกใช้ MSCI Index เป็นเกณฑ์ในการวัดผลตอบแทน เช่น MSCI World, MSCI China, MSCI ACWI Emerging Market (EM) เป็นต้น นอกจากเกณฑ์ระดับการพัฒนาประเทศแล้ว MSCI ยังได้ทำดัชนีของกลุ่มการลงทุนแบบ Thematic Megatrend “Transformative Technologies” หรือดัชนีกลุ่มเทคโนโลยี โดยมุมมองของ MSCI แบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม ดังนี้

8 กลุ่มเทคโนโลยี ตาม MSCI ACWI Index

8 กลุ่มหุ้นเทคโนโลยี

1. MSCI ACWI IMI Robotics Index

ดัชนีแสดงผลตอบแทนกลุ่มบริษัทที่ผลิตภัณฑ์หรือบริการเกี่ยวกับRobot, Artificial Inteligence, Machine Learning ระบบอัตโนมัติที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น

2.MSCI ACWI IMI Cybersecurity Index

ดัชนีแสดงผลตอบแทนกลุ่มบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการให้บริการ Cybersecurity ปกป้องข้อมูลที่สำคัญออกจากเหล่าแฮกเกอร์ หรือ Cyber-Attack ที่สามารถนำข้อมูลของบริษัทไปทำความเสียหายได้

3.MSCI ACWI IMI Digital Economy Index

ดัชนีแสดงผลตอบแทนกลุ่มบริษัทที่ได้ประโยชน์จาก Digital Economy หรือเศรษฐกิจดิจิตอล ยกตัวอย่างเช่น Apple สามารถสร้างโทรศัพท์มือถือพร้อมทั้งแอพลิเคชั่นต่างๆ ดึงดูดเงินจากลูกค้าให้มาใช้งานบนแพลทฟอร์มของตัวเอง เป็นรายได้ต่อเนื่องบนฐานลูกค้าประจำ เกิดเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียนในแพลทฟอร์ม เป็นต้น

4.MSCI ACWI IMI Disruptive Technology Index

ดัชนีแสดงผลตอบแทนกลุ่มบริษัทที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีทดแทนการบริการแบบเดิม (Old Economy) ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น 3D Printing, Internet of Things, Cloud Computing, Fintech,  Digital Payments, Healthcare Innovation,  Robotics ,Cybersecurity, Clean Energy and Smart Grids

5.MSCI ACWI IMI Future Mobility Index

ดัชนีแสดงผลตอบแทนกลุ่มบริษัทที่ทำแบตเตอรี่เพื่อเก็บพลังงานจากไฟฟ้า รถ EV และ รถขับเคลื่อนอัตโนมัติ เช่นสินค้าของ Tesla และ NIO  เป็นต้น

6.MSCI ACWI IMI Next Generation Internet Innovation Index

ดัชนีแสดงผลตอบแทนกลุ่มบริษัทที่มี New Computational Revolution หรือ มีการปฏิวัติระบบคอมพิวเตอร์ จากแทนที่จะเป็น Server ขนาดใหญ่ แต่ยก Data ไปอยู่บน Cloud พร้อม Application ทำให้การประมวลข้อมูลขนาดใหญ่สามารถทำได้ไม่ว่าจากมุมใดของโลก เช่น Big Data, Machine Learning และ Work Mobility

7.MSCI ACWI IMI Autonomous Technology and Industrial Innovation Index

ดัชนีแสดงผลตอบแทนกลุ่มบริษัทที่ระบบอัตโนมัติในโรงงานอุตสาหกรรม (industrial automation), การผลิตโดยใช้หุ่นยนต์ (manufacturing), พัฒนาสายการผลิตและการขนส่งให้ดียิ่งขึ้น

8.MSCI ACWI IMI Fintech Innovation Index

ดัชนีแสดงผลตอบแทนกลุ่มบริษัทที่ทำFintech เช่น Digital Banking, Digital Payment, Blockchain technologies and Peer to peer transactions, และการบริการการเงินการลงทุนผ่านออนไลน์ เป็นต้น

เมื่อ MSCI คิดค้นดัชนีเหล่านี้แล้ว ก็จะนำหุ้นที่มีคะแนนความเกี่ยวข้องหรือ Relevance score ในการจัดกลุ่มหุ้นเพื่อวัดผลตอบแทน และทำtestจนกว่า ดัชนีที่คิดขึ้นมาจะเป็นตัวแทนของเทรนด์นั้นจริงๆ

ปี 2020 ถือว่าเป็นปีที่ผลตอบแทนของกลุ่มเทคโนโลยีออกมาดีเกินคาด แม้กองทุนเทคโนโลยีราคาค่อนข้างสูงแล้ว แต่ยังคงมีความคาดหวังว่าจะไปต่อ

กลุ่มเทคโนโลยีที่น่าสนใจ

  • Robotics
  • Cyber Security
  • Future Mobility
  • Fintech

กลุ่มที่น่าสนใจในความคิดของเราคือ กลุ่ม Robotics, Cyber Security, Future Mobility และ Fintech ที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนเฉพาะตัว หากบริษัทในกลุ่มเหล่านี้สามารถคิดค้นอะไรใหม่ๆออกมา สามารถเปลี่ยนโลกได้ทันที การลงทุนในกลุ่มเหล่านี้จึงเปรียบเสมือนการซื้ออนาคต รอการเปลี่ยนนวัตกรรมให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่ามหาศาล ดังนั้นราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี จะมีมูลค่าสูงๆ ยิ่งๆขึ้นไป …รอวันที่นวัตกรรมผลิดอกออกผลนั่นเอง #เด็กการเงิน

ผลตอบแทนและ Valuation ของกลุ่มเทคโนโลยี ที่น่าสนใจ

ผลตอบแทนและ Valuation ของกลุ่มเทคโนโลยี ที่น่าสนใจ
ข้อมูล ณ วันที่ 29 ม.ค. 64

เมื่อนำผลตอบแทนและ Valuation ของกลุ่ม Future Mobility, Robotics, Cybersecurity และ Fintech นำไปเปรียบเทียบกับ ตะกร้าดัชนีหุ้นโลก(ACWI) พบว่า

ผลตอบแทนทั้งสี่กลุ่ม ทำได้ดีกว่า ACWI ทั้งหมด ผลตอบแทนที่เด่นที่สุดมาจาก Future Mobility

พวกรถพลังงานไฟฟ้า และรถขับเคลื่อนอัตโนมัติ ผลตอบแทนทั้งกลุ่มเฉลี่ยอยู่ที่ 83.73%

ซึ่งฟันโฟล์วไหลเข้ามาเพราะความคาดหวังจริงๆ ดูอย่างหุ้น Tesla และ บ. อื่นๆที่ทำ part ให้ tesla เป็นต้นครับ

อย่างไรก็ตาม เทรนด์เรื่องพลังงานสะอาดกับรถยุคใหม่ มันจะมากว่าที่เราคิดก็เป็นได้ โดยเฉพาะ ปธน.โจ ไบเดน

ที่เอาจริงกับการเปลี่ยนแปลงพลังงานฟอสซิล ให้เป็นพลังงานสะอาดโดยเร็วที่สุด

ผลตอบแทนของ Future mobility ตามด้วย Fintech, Cybersecurity และ Robotics

โดย catalyst ของทั้งสามกลุ่มนี้มาจากการระบาดของโควิด ส่งผลให้ธุรกรรมทางการเงินต้องทำผ่าน Fintech

Advertisements

และเมื่อคนทำงานอยู่บ้าน การบริการทาง Cybersecurity ถูกคาดหวังให้มีผลตอบแทนที่สูงเช่นกัน

ท้ายสุด กลุ่ม Robotics ที่ทำchip และ A.I. ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิดเลย แถมมีดีมานด์มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

ฟันโพล์วจึงไหลเข้ามาทำให้ผลตอบแทนหุ้นกลุ่มเหล่านี้สูงขึ้นๆๆ

เมื่อมาดูเกณฑ์ความผันผวน(ความเสี่ยง) นั้นความผันผวนก็เป็นเงาตามตัวของ ผลตอบแทนของกลุ่ม Future Mobility

ส่วนกลุ่มอื่นๆที่เหลือทำได้ราวๆ 21-23% เสี่ยงกว่า ACWI ที่ 18.67% ทุกกลุ่ม ตรงนี้ พอจะสรุปได้ว่า กลุ่มเทคทั้งหมดผันผวนกว่าหุ้นอื่นๆของโลกโดยเฉลี่ยนั่นเอง

แต่ที่ทำผมแปลกใจคือ Sharpe ratio ย้อนหลังสามปี Cybersecurity และ Fintech สามารถทำผลตอบแทนต่อหนึ่งหน่วยความผันผวนได้ดีทีเดียว แสดงให้เห็นว่าสองกลุ่มนี้ไม่ได้ฟลุ๊คบูมมาแค่ปีเดียว กลุ่มนี้มีการเติบโต และให้ผลตอบแทนสูงมาสักพักแล้ว แม้ความผันผวนจะพอๆกับกลุ่มอื่นก็ตาม

ในส่วนของ Valuation นั้น กลุ่ม Cybersecurity นั้นมี P/E สูงมากๆ เช่นเดียว กับ Future Mobility

อย่างไรก็ตาม P/E ในอนาคตที่ราคาเท่าเดิมจะอยู่ระดับ 40 และ 23 ตามลำดับ แม้ว่าในอนาคต earning อาจจะไม่แน่นอน

ส่วนตรงนี้ที่ MSCI หยิบมาพยายามจะบอกว่า Future Mobility จะมีพื้นฐานรองรับด้วย earning โตแบบก้าวกระโดด

(อันนี้แล้วแต่คนว่าเชื่อ MSCI ไหม)

Earning สูงขึ้น จะทำให้ P/E ต่ำลงครับ ส่วนตัวผมมองว่ากลุ่ม Cybersecurity แพงไปแล้ว!!! earning นั้นอาจจะตามมาไม่ทันใน 1 ปี

Fintech หรือ Robotics ก็ให้ความรู้สึกเช่นเดียวกันกับ Future Mobility ที่จะมีพื้นฐานมารองรับได้ แพงแล้ว แต่ยังไม่แพงไป…

Advertisements

สุดท้าย หุ้นเหล่านี้มีการปันผลน้อยมากครับ ใกล้เคียงที่สุดเป็นกลุ่ม Robotics ที่เป็นบริษัทกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่หลายเจ้ามีรายได้มั่นคงและปันผลออกมาได้

TOP 5 หุ้นเทคโนโลยีกลุ่ม Future Moblity

หุ้นเทคโนโลยีกลุ่ม Future Moblity
หุ้นประเทศสัดส่วนในกลุ่ม (%)
1. TESLAUSA7.04%
2. NIO A ADRCHINA5.46%
3. GENERAL MOTORSUSA5.12%
4. TEXAS INSTRUMENTSUSA4.66%
5. ADVANCED MICRO DEVICESUSA4.48%

หุ้นเทคโนโลยีกลุ่ม Robotics

หุ้นเทคโนโลยีกลุ่ม Robotics
หุ้นประเทศสัดส่วนในกลุ่ม (%)
1. INTEL CORPUSA5.67%
2. TAIWAN SEMICONDUCTOR MFGTaiwan5.57%
3. AUTODESKUSA5.06%
4. KEYENCE CORPJapan4.93%
5. ABB LTDChina4.86%

หุ้นเทคโนโลยีกลุ่ม Cybersecurity

หุ้นเทคโนโลยีกลุ่ม Cybersecurity
หุ้นประเทศสัดส่วนในกลุ่ม (%)
1. CROWDSTRIKE HLDGSUSA6.42%
2. ZSCALERUSA5.71%
3. PALO ALTO NETWORKSUSA5.11%
4. FORTINETUSA5.08%
5. GDS HOLDINGS A ADRChina4.77%

TOP 5 หุ้นเทคโนโลยีกลุ่ม Fintech

Fintech 1
หุ้นประเทศสัดส่วนในกลุ่ม (%)
1. PAYPAL HOLDINGSUSA5.72%
2. APPLEUSA5.19%
3. AMAZON.COMUSA4.79%
4. METUAN BChina4.75%
5. ALIBABA GROUP HLDG ADRChina4.61%

บทสรุปและความคิดเห็น

บทสรุปและความคิดเห็น

บทสรุปของกลุ่มเทคฯ ที่เราเลือกมาคือ ผลตอบแทนในปีล่าสุดดีมาก แต่ก็มาด้วยความผันผวน และมูลค่าสูงจริงๆ

แม้ว่าปีนี้กลุ่มเทคฯจะมีแนวโน้มไปต่อ ผมมีคำแนะนำในฐานะสายพื้นฐานว่า มูลค่าของมันจะยิ่งสูงขึ้นไปเพราะ มูลค่าจากนวัตกรรมต่างๆ ที่สร้างขึ้นโดย บริษัทในกลุ่มเหล่านี้ จะ differentiate ตัวเองออกจากบริษัทดาดๆ ทั่วไป สุดท้ายแล้วคนต้องหันมาใช้สินค้าและบริการเฉพาะ เช่น รถ self-driving car, blockchain และ cybersecurity program จนได้

สิ่งเหล่านี้เป็น value ที่บริษัทเทคฯเก็บรักษาไว้และกำลังเปลี่ยนมันให้เป็นมูลค่าจากสินค้าที่เรายอมจ่าย ..โดย earning แบบก้าวกระโดดเท่านั้น จะทำให้มูลค่าของกลุ่มนี้ออกมาดี ดังนั้น เราจะเห็น valuation ที่แพงไปอีกนาน
อีกทั้งในโลกสภาวะดอกเบี้ยต่ำ และมีการลงทุนแบบ thematic มากขึ้น คนจะนำเงินมาลงในกลุ่มเหล่านี้ๆมากขึ้นๆ อีก คล้ายกับ tech bubble ในปี 2000-2001

แต่ผมยังเชื่อว่าสัญญาณฟองสบู่จะหมดไปเมื่อ บริษัทเหล่านี้ สามารถทำกำไรได้บ้าง แม้จะน้อยก็ตาม โดยกำไรต้อง”สูงขึ้น”ติดต่อกัน ถ้าทำไม่ได้.. หุ้นเทคจะโดนลงโทษโดยการโดนเทขายหนัก

โดยสินค้านวัตกรรมสามารถมีตลาดเติบโตได้อีกมาก บริษัทไหนไม่ใช้ หรือไม่สร้างนวัตกรรม ก็จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง นวัตกรรมนี่แหละ ที่จะพาบริษัทนั้น ออกจากคู่แข่งได้ไกลยิ่งขึ้น

ดังนั้น ใช่ครับ mindset แบบนี้ ทำให้ หุ้นเทคที่แพงแล้ว ยังแพงอีกได้ ในขณะที่คนยังยอมซื้อและถือมันเพื่อรอดูการเติบโต


ติดตามบทความอื่น ๆ อีกมากมายได้ที่ www.finspace.co
ติดตามเรื่องราวการเงินที่จะมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณก่อนใครได้ที่
Facebook : FinSpace
LINE Official : http://bit.ly/2qL8S48
Twitter : http://bit.ly/2keFfVD
Instagram : http://bit.ly/2ktv2o7
Blockdit : https://bit.ly/37EWqmb

Advertisements

DekFinance

กลุ่มสามคนผู้คลั่งไคล้ในโลกของการเงิน การลงทุน ผู้เข้าใจ pain point ของนักลงทุนอย่างแท้จริง เน้นถ่ายทอดเรื่องราวออกมาเรียบง่ายและเข้าถึงได้ทุกคน มาสะสมความมั่งคั่ง อย่างมีความสุขกับเด็กการเงิน

Related post

Advertisements